seo

SEO คืออะไร ????

SEO – การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา เป็นชุดของการกระทำต่างๆ เพื่อให้หน้าเว็บสื่อสารกับ Search Engines ได้ดีขึ้น ตามมาตรฐานการพัฒนาเว็บ SEO มักจะใช้ และถูกนำมาประยุกต์ สำหรับผลลัพธ์ทางธุรกิจ เนื่องจากสามารถให้อันดับการค้นหาที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

SEO คือ อะไร? อยากให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ต้องรู้

“อยากให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ต้องทำ SEO” สำหรับใครที่มีเว็บไซต์แล้ว ผมเชื่อว่าต้องเคยได้ยินคำนี้อย่างแน่นอน แล้ว SEO คือ อะไรล่ะ ? การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ Google จะส่งผลดียังไงกับเว็บไซต์และธุรกิจของเราบ้าง ลองหาคำตอบได้ในบทความนี้เลย

SEO คือ อะไร?

Search Engine Optimize หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า SEO คือ การทำเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ และรองรับการติดอันดับบน Google ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการออกแบบ และเนื้อหาบนเว็บไซต์ การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคนเข้ามาชมมากขึ้น เป็นร้านค้าอันดับต้นๆ ที่ลูกค้าเลือกซื้อ และทำให้ยอดขายของธุรกิจคุณเพิ่มขึ้น

คนส่วนใหญ่เลือกคลิกเว็บไซต์อันดับที่เท่าไหร่?

จากการสำรวจของเว็บไซต์ Highervisibility พบว่า ผู้เสิร์ชจะเลือกคลิกเว็บไซต์ที่อยู่ในหน้าแรกมากถึง 95% เลือกคลิกเว็บที่อยู่อันดับหนึ่งถึง 32% อันดับสอง 16% และอันดับสาม 10% ไล่ลงมาตามลำดับ เว็บไซต์ที่อยู่หน้า 2 มีคนคลิกเฉลี่ยอยู่ที่ 1% หากคุณคิดจะทำ SEO เป้าหมายต้องเป็นหน้าแรกของ Google นั้น! ใครไม่ทำถือว่าพลาด!

70-80% ของคนที่เสิร์ชจะเลือกคลิกเว็บไซต์ที่ติดอันดับ มากกว่าเว็บไซตืที่เป็นโฆษณา

Keyword แบบไหนที่เหมาะกับเว็บไซต์ของเรา

สิ่งสำคัญที่สุดก่อนเริ่มต้นทำ SEO คือ การเลือก Keyword ที่ใช่ให้กับเว็บไซต์ของเรา หากเราเริ่มต้นทำ SEO ด้วย Keyword ที่ผิด ไม่ตอบโจทย์การค้นหาของคนเสิร์ช ก็ยากที่เว็บไซต์ของคุณจะมีคนเข้ามาชม และติดอันดับบน Google

1.Keyword ต้องเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ หรือธุรกิจ

คุณอาจใช้เป็นประเภทของสินค้า ปัญหาของลูกค้า หรือบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามาใช้เป็น Keyword ตัวอย่างเช่น สินค้า “เสื้อกันหนาว” นอกจากจะใช้คำกว้างๆ คุณสามารถใช้คำร่วมเพื่อให้ Keyword มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น เสื้อกันหนาวไหมพรม, เสื้อกันหนาวเกาหลี หรือเสื้อกันหนาวพร้อมส่งการใช้ Keyword ที่มีความเฉพาะเจาะจง จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะเปลี่ยนผู้ชมเว็บไซต์ ให้กลายเป็นลูกค้าได้

2. Keyword ที่ดี ต้องมีคนใช้ค้นหา

Keyword ที่ดี บางครั้งก็ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของคำ หรือประโยคที่สะกดถูกต้อง แต่มันคือคำที่คนส่วนใหญ่มักจะใช้ค้นหากันมากกว่า สมมติว่าผมต้องการทำ SEO สำหรับธุรกิจ คอร์สเรียนกราฟิกผมจะเลือกใช้ Keyword คำว่า “เรียนกราฟฟิก” เหตุผลที่ไม่ใช้คำว่า กราฟิก(คำที่สะกดถูก) เพราะว่าคนที่ใช้คำว่า เรียนกราฟฟิก ในการค้นหามีมากกว่าคำว่า กราฟิก นั่นเองครับ

3. มีปริมาณการค้นหา

ต่อจากข้อ 2 นอกจาก Keyword จะมีคนใช้ค้นหาแล้ว ต้องมีปริมาณการค้นหาในระดับหนึ่งด้วย ซึ่งมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้องขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ และความเฉพาะเจาะจงของสินค้า เว็บไซต์ธุรกิจแต่ละประเภทมีจำนวนการค้นหาไม่เท่ากัน กลับมาที่คอร์สสอนกราฟิกกันอีกครั้ง ผมรู้ได้ยังไงว่า Keyword “เรียนกราฟฟิก” มีคนเสิร์ชมากกว่า “เรียนกราฟิก”

มีวิธีการเช็คปริมาณการค้นหาอยู่ 3 วิธี

  • เช็คด้วยเครื่องมือ Keyword Planner จาก Google Ads
  • เช็คด้วยเครื่องมือ SEO ที่ผมซื้อเอาไว้ ชื่อว่า Mangools
  • เช็คด้วยเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ใช้แสนง่าย อย่าง Google Trend
  • เป็น Keyword ประเภท High Commercial Intent

Keyword High Commercial Intent ถือว่าเป็น Keyword ที่ช่วยทำเงินให้กับธุรกิจของเราเป็นอย่างมาก เพราะเป็นคำที่คนเสิร์ช ใส่ความต้องการของตัวเองลงในคำค้นหาด้วย ยกตัวอย่างเช่น

  • บ้านพัก ชะอำ ติดทะเล ไม่เกิน 2000
  • พรีออเดอร์ ลิปสติก A สี BR420
  • พรีออเดอร์ เกม PPP แผ่นญี่ปุ่น
  • จองที่นั่ง ร้าน GGG ราคา

เมื่อเราได้ Keyword ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ของเราแล้ว ทีนี้เรามาดูกันเลยว่า ควรปรับแต่งเว็บไซต์อย่างไรให้ได้คะแนน SEO ดีๆ จาก Google!

SEO มักถูกสร้างและกำหนดไว้หลายวิธี ตามความต้องการของผู้ให้บริการ

Apex Marketing เชื่อว่าลูกค้าควรศึกษา SEO ให้ดีก่อนตัดสินใจใช้บริการ สคีมา (Schema) – ข้อมูลเมตา (Meta Data) – รูปแบบไมโคร (Micro Format) – โครงสร้างข้อมูล (Data Structure) – โครงสร้าง URL (URL Structure) – ตัวอย่างข้อมูลแบบสมบูรณ์ (Rich Snippet) นักพัฒนาไม่ควรคิดค่าใช้จ่ายปัจจัยพื้นฐาน (Overcharge) เหล่านี้มากเกินไปจาก แพลตฟอร์ม หรือ CMS ที่รองรับอยู่แล้ว และควรระบุให้ชัดเจน มีการพัฒนาอะไรเพิ่มเติมบ้าง? เนื่องจากผู้ให้บริการ SEO และนักการตลาด SEO เชิงกลยุทธ์ยังคงต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการพัฒนาอำนาจ (Authority)ให้กับลูกค้าของตน

เกี่ยวกับ SEO ที่ควรรู้

เป้าหมายของ SEO เพื่อผลลัพธ์ทางการตลาดออนไลน์ นั่นคือกระบวนการดำเนินการต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดการค้นพบจากการค้นหาของผู้ใช้ เพื่อค้นหาเว็บไซต์ของเรา หรือ สิ่งที่เราเรียกว่า “เว็บไซต์เป้าหมาย” (Target Site) การค้นหาเหล่านั้นเกี่ยวกับ “คำหลัก” (Keywords)หรือคำค้นหา (Search Query)นี่คือภาษา ศัพท์เทคนิค หมายถึง คำค้นหาต่างๆ ที่ผู้ใช้ค้นหาใน “Search Engines” ต่างๆ เราจึงเรียกกระบวนการ SEO ที่สร้าง Organic Traffic

SEO เชิงทฤษฎี

การทำ SEO ตามทฤษฎีจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงพบว่า การทำ SEO มักจะมีค่าใช้จ่ายในแง่ของการดำเนินงาน การจ้างคนเขียนบทความ SEO หรือเราต้องเรียนรู้การทำ SEO จากแหล่งต่างๆ เทคนิคในแต่ละสถานที่ก็แตกต่างกัน แม้แต่การจ้างงาน ให้ผู้เชี่ยวชาญ SEO สร้างลิงก์ย้อนกลับหรือมีลิงก์ที่ต้องชำระเงินซึ่งมีการซื้อขายในตลาดมืด

ดังนั้นหากคุณทำธุรกิจจริงๆ อย่าคิดว่า SEO ไม่มีค่าใช้จ่าย การเรียนรู้กลยุทธ์ที่ Apex Marketing มีเทคนิคที่สามารถทำให้ SEO ติดอันดับโดยไม่ต้องเสียเงินมากมาย โดยการพัฒนาเว็บไซต์ ในส่วนของโครงสร้างที่ดี

SEO มักกล่าวถึง การเข้าชมที่เกิดขึ้นเอง (Organic Traffic)

Organic Traffic หรือบางแห่งเรียกว่า Earn และ Natural Traffic อะไรก็ตามที่คุณต้องการเรียกมัน ถูกค้นพบโดย Search Engine ซึ่งเราวัดจากการจัดอันดับหรือ “Ranking” จากผลการค้นหาใน Search Engine โดยในประเทศไทย เราจะเน้นไปที่ SEO เป็นหลักเพื่อให้ติดอันดับ Google ผลการค้นหา จากการจัดอันดับใน Google มีข้อดีหลายประการ หากใครเข้าใจหลักการนี้ คุณจะมีโอกาสสร้างยอดขายหรือรวบรวมลีดที่มาจาก Volume ได้ การค้นหาจำนวนมาก นั่นคือประโยชน์ของการเข้าชมแบบออร์แกนิก และการทำการเข้าชมแบบออร์แกนิกก็มีข้อดีมากกว่านั้นอีก ในเรื่องการพัฒนาเว็บไซต์ที่มีคุณภาพโดยการเรียนรู้จากการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ของเรา Apex Marketing มีการสอนให้คุณใช้งาน Google Analytics Tool ซึ่งเป็นหลักสูตรเฉพาะในการพัฒนาผลลัพธ์ ปรับปรุงอันดับและปรับปรุงการใช้งานบนหน้าเว็บ ดีขึ้นกว่าเดิม นั่นหมายถึงโอกาสในการขยายธุรกิจของคุณ

การค้นหาผ่าน SEO

สิ่งที่เรามักพบคือการค้นหาซ้ำๆ ในเครื่องมือค้นหา ทำให้เราแทบจะไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมเลย เมื่อเว็บไซต์ของเราอยู่ในอันดับหรืออันดับที่ดี เราจะมีผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเป็นจำนวนมาก และผู้ใช้จำนวนมากที่มาใช้งานเว็บไซต์ของเราก็มีโอกาสที่จะติดต่อกับธุรกิจของคุณเช่นกัน ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ ใช้เงินเป็นจำนวนมากในการโฆษณาและไม่ต้องเสียเวลาไปกับการโฆษณามากนัก เราใช้วิธีการ ให้ติดอันดับใน Search Engine แทน คีย์เวิร์ดบางคำสามารถนำคนมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้มากกว่างบประมาณสองแสนบาทตลอดทั้งปี คำค้นหาบางคำสามารถนำคนมาสู่เว็บไซต์ของเราได้ไม่ต่ำกว่าสองพันคนต่อเดือน (ผู้เยี่ยมชม 2,000 คน) นี่คือเหตุผลที่เจ้าของเว็บไซต์ตระหนักถึงความสำคัญ หรือประโยชน์ของการทำ SEO แทนที่จะเสียเวลาในการทำ Advertising – หรือพูดง่ายๆ ก็คือ . คุณต้องมีแผนในการสะสมการเข้าชมทั่วไปเพื่อผลการค้นหาที่ดีขึ้น และจะช่วยประหยัดต้นทุนได้มากขึ้นในระยะยาว

SEO สามารถทำให้คุณติดในการค้นหาได้อย่างไร ?

  1. การโพสต์เป็นข้อความจากผลการค้นหา
  2. ทำให้เว็บไซต์ติด Image Search
  3. ทำให้การค้นหาวิดีโอน่าติดตาม
  4. การเสพติดการค้นหาเชิงวิชาการที่เราเห็นบ่อยที่สุดคือ Google Scholar
  5. สามารถใช้เวอร์ชันด่วนได้ หากทำข่าว หรือ บรรทัดเนื้อหาเป็นการค้นหาแบบ NEWS Search

และ ยังสามารถแนบเฉพาะกับอุตสาหกรรมนั้น ๆ โดยใช้หลักการของ Vertical Search Engine

ซึ่งการทำ SEO จะแตกต่างจากการทำ Local Search Engine Optimization (LSEO) โดยปกติ Apex Marketing จะมีกลุ่มลูกค้าที่ดีอยู่แล้ว

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ SEO

SEO ไม่ใช่งานของสแปมลิงก์ หรือ การสร้างลิงก์ย้อนกลับ หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการทำ SEO คือการพัฒนาเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ตอบสนองการจัดและทำความเข้าใจชุดเอกสารออนไลน์หรือหน้าเว็บต่างๆ ของเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ URL และ IP ของเราให้มีประสิทธิภาพและมีความหมายที่ถูกต้องตามหลักการของ Data Structure การทำ SEO มีวิธีการนับหมื่น วิธี และเทคนิคนับหมื่น แล้วแต่ขอบเขตของงาน เป็นไปไม่ได้ที่จะหาวิธีแก้ไขแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก การเรียนรู้เกี่ยวกับ SEO ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใช้ระยะเวลา และ ความพยายามสูงมาก และใช้เวลาในการเรียนรู้ร่วมกัน เพราะ Search Engine จะเข้าใจความหมายของเว็บเพจของคุณด้วยการค่อยๆ พัฒนาเนื้อหา ให้มีคุณภาพมากขึ้น

จุดสำคัญในการปรับปรุง SEO

SEO – ความสดใหม่ของเนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญมาก
SEO – การอ้างอิงคุณภาพ
SEO – ใช้ช่วงระยะเวลาหนึ่งในการบ่มเพาะเนื้อหาที่เรียกว่าเนื้อหาที่มีประโยชน์เพื่อให้ได้รับการพิจารณาหรือตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นแหล่งอ้างอิงที่ดี สิ่งนี้ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์สูง ทั้งในด้านการเขียนบทความที่กระชับ ใช้คำให้ถูกต้อง อย่าใช้คำที่สิ้นเปลือง และมีบริบทที่ชัดเจนในการเน้นหัวข้อต่างๆ
SEO – ความหมายเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสื่อสารกับเครื่องมือค้นหาเพื่อให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจสิ่งที่เรากำลังสื่อสาร ในการจัดอันดับ เนื้อหาส่วนใหญ่จะถูกเติมด้วยข้อมูลซอร์สโค้ดเพื่อเน้นว่ามันคืออะไร

ซึงหลักของการทำ SEO ขั้นพื้นฐานจนถึงระดับ Advance จะมีราคาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความยากง่ายเพียงแต่ต้นทุนของเทคโนโลยีรวมถึงต้นทุนการดำเนินงานด้วย

SEO ในบริบทของการตลาดทางอินเทอร์เน็ต

การพัฒนา SEO เราพยายามทำความเข้าใจวิธีการทำงานของเครื่องมือค้นหา และใครกำลังค้นหา? นอกจากนี้ยังเข้าสู่หลักการของการวิเคราะห์ Target Audience เพราะถึงแม้คำค้นหาจะคล้ายกันแต่ความต้องการค้นหาในคีย์เวิร์ดหรือกลุ่มคำเหล่านั้นจะไม่เท่ากันและอัตราการปิดการขายก็จะแตกต่างกันด้วย ในส่วนของการเพิ่มประสิทธิภาพเพจนั้น เราต้องเรียนรู้หลักการปรับ HTML และการพัฒนาเนื้อหา เป็นประจำ — พูดง่ายๆ ก็คือ Google Search Engine ชอบรวบรวมข้อความแล้วนำกลับมาวิเคราะห์ในระบบหลังบ้าน เราเรียกมันว่าอัลกอริทึมของ Google Search Engine เมื่อก่อนเจ้าของเว็บ Apex Marketing มองว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์และน่าสงสัยมาก แต่เมื่อผมลองทำในงานประจำแล้วได้รับโปรเจ็กต์จากลูกค้ามากมาย จนเราเข้าใจอย่างถ่องแท้ จนเราคุ้นเคยกับวิธีการ Search เครื่องยนต์ทำงานได้ เราพบว่าเราแค่ให้ความสม่ำเสมอกับเว็บไซต์ของเราโดยไม่ต้องเร่งรีบ คุณภาพจะมาเอง โดยเน้นการพัฒนาเชิงโครงสร้างให้ดี การเติบโตจากอันดับจะดีขึ้นในภาพรวม

เมื่อพูดถึง SEO คุณต้องเข้าใจ Relevance ด้วยเช่นกัน

การทำ SEO จำเป็นต้องเข้าใจความสัมพันธ์และความเกี่ยวข้องของคีย์เวิร์ดแต่ละคำ และการจัดโครงสร้างเว็บให้เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดให้มากที่สุดและขยายการค้นหา โดยเพิ่มบทความเชิงลึกเพิ่มเติม นั่นทำให้เจ้าของธุรกิจมีช่องทางเฉพาะที่ทำให้พวกเขาได้เปรียบเหนือคู่แข่ง โดยให้ความสนใจกับเนื้อหาของตนเอง นั่นทำให้ระยะยาว คุณแทบจะไม่ต้องใช้งบประมาณการโฆษณาเลย หรือคุณสามารถลดการโฆษณาให้เหลือน้อยที่สุดและยังคงรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันไว้ได้ เพราะในเว็บไซต์ของเราเมื่อมีเนื้อหาที่เป็น Niche เฉพาะเจาะจงเป็นจำนวนมาก เราก็จะโดนซ่อน Keyword เอาไว้ ชุดคีย์เวิร์ดที่ไม่ซ้ำใคร ที่กำลังสร้าง Long-Tail Keywords

การสร้างเนื้อหาที่ดีทำให้การจัดทำดัชนีง่ายยิ่งขึ้นเพราะ Google จะเข้าใจความเคลื่อนไหวของเว็บไซต์ของเรา ตัวอย่างเช่น Apex Marketing มีการอัปเดตเนื้อหาเล็กๆ น้อยๆ ให้เต็มหน้าเว็บเกือบทุกวัน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำแล้ว มีการขยายและย่อเนื้อหาเป็นประจำ ตามความเหมาะสมในการปรับเปลี่ยน — เราปรับเปลี่ยนตามความต้องการและความเหมาะสมในการใช้งานของผู้ที่เข้าใจซึ่งทำให้ค่า Impression และ Click Rate ดีขึ้น ทำให้การจัดอันดับมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่ในตลาดแต่ปริมาณ Traffic เข้ามามากตามขนาดงานที่สม่ำเสมอของเรา

คำถามที่พบบ่อย

1.ฉันจะใช้บริการ white-line SEO ได้ที่ไหน?
คำตอบ: Apex Marketing เป็นบริษัท SEO แบบ white-line ที่ไม่เน้นเรื่องสแปมด้วยการทำ PBN
2.คะแนนสำหรับผู้ประกอบการในการพิจารณา SEO แบบสีขาว กล่าวคือ
-มีความมุ่งมั่นในการทำงานที่ชัดเจน
-มีการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการที่ไซต์งาน เข้าหาบริษัท
เมื่อใช้บริการ white-line SEO ส่วนใหญ่จะยอมรับงานภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน ความร่วมมือกับธุรกิจ
โดย Apex Marketing ใช้แนวคิดการทำ SEO ในรูปแบบ Local Business ในสายงานคุณภาพ เช่น ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย จากประสบการณ์การทำงานให้กับเอเจนซี่ SEO จากต่างประเทศ และพบว่า การทำ SEO ด้วยวิธีธรรมชาติ เน้นการเติบโต โดยการพัฒนา Traffic ที่มีคุณภาพและเติบโตมากขึ้น การกำหนด Keywords จะทำให้ธุรกิจ มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
ระยะเวลาการเติบโตของ white SEO จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน และจะเติบโตในลักษณะเดียวกัน การก้าวกระโดดที่เห็นได้ชัดเจนในช่วง 9 เดือนถึง 18 เดือน
ปัจจัยที่ทำให้ไวท์ไลน์ SEO ยั่งยืน: ผู้รับเหมา SEO จะพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการเป็นหลัก
โปรดดูบริการ SEO และนโยบาย SEO ของ Apex Marketing